การเสด็จกลับมาของพระคริสต์
การเสด็จมาที่แตกต่างกันของพระองค์และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกัน
เนื่องด้วยอรรถบททั้งหมดในพระคัมภีร์ไบเบิล พวกเราพบข้อความทั้งหลายที่เกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์และเกี่ยวกับการเสด็จมาที่แตกต่างกันของพระองค์ซึ่งได้กระจัดกระจายไปทุกหนแห่ง ข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายเหล่านี้จะต้องประกอบเข้าด้วยกันอย่างเฉพาะเจาะจงและวางไว้อย่างถูกต้องในที่ซึ่งพวกมันอยู่ โดยแท้จริงแล้วมีการเสด็จมาหลายครั้ง แต่กระนั้นมีการเสด็จกลับมาของพระคริสต์เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นคือ เมื่อพระองค์เจ้าบ่าวแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงพบเจ้าสาวแห่งแผ่นดินโลกในฟ้าอากาศ (1 เธสะโลนิกา 4: 13-18) และจะทรงนำนางกลับบ้านเพื่อการอภิเษกสมรส (วิวรณ์ 19: 1-10)
การเสด็จกลับมาของพระคริสต์มิได้ถูกกล่าวถึงในดังที่เรียกกันว่า "หลักความเชื่อของอัครสาวก" – ของเหล่าอัครสาวกยุคเริ่มแรก แน่นอนว่าไม่มีความรู้เหมือนที่มันได้ถูกก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 4 เท่านั้น การรับบรรดาผู้เชื่อแท้ไป (หรือ "การรับขึ้นไป” ใช้คำที่เหมือนกับผู้อธิบายบางท่านใช้) – เหตุการณ์ยิ่งใหญ่นี้ซึ่งเกิดขึ้นในยุคสุดท้ายแห่งพระคุณสำหรับพวกคนต่างชาติก็มิได้ถูกกล่าวถึงในหลักความเชื่อนั้น มันกล่าวเพียงว่า “…จากนี้พระองค์จะเสด็จมาพิพากษาคนเป็นและคนตาย” การพิพากษาครั้งสุดท้ายเรียกว่า “การพิพากษาแห่งพระที่นั่งใหญ่สีขาว” จะเกิดขึ้นหลังจากการครองราชย์หนึ่งพันปีเท่านั้น (วิวรณ์ 20: 11-15)
การสอนที่ไม่ถูกต้องทั้งหลายเกี่ยวกับสาระสำคัญนี้ได้ถูกนำมาในศตวรรษแรกหลังจากพระคริสต์ พวกเรายังคงค้นหาพวกมันต่อไป - บางทีในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย - แม้แต่ในคริสตจักรบางแห่งในปัจจุบัน ออกัสติน (354-430) ผู้ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากนักประวัติศาสตร์คริสตจักรบางท่านได้สอนว่า การบังเกิดใหม่คือการฟื้นคืนพระชนม์ครั้งแรก แต่กระนั้น อ. เปาโล ผู้ที่ออกัสตินเคารพนับถืออย่างสูงพยายามที่จะบรรลุการฟื้นคืนชีพครั้งแรกเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเขา แม้ว่าเขาได้บังเกิดใหม่แล้วและเต็มล้นไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ฟิลิปปี 3: 10-11) อ้างอิงจากออกัสติน ซาตานได้ถูกผูกมัดแล้ว และคริสตจักรถูกมองว่าอยู่ในการครองราชย์ยุคพันปี การรวมอำนาจรัฐและคริสตจักรให้เป็นเอกภาพได้กลาย เป็นที่รู้จักในนาม "รัฐแห่งพระเจ้า"
พวกเราจะไม่ใช้เวลาในการอ้างถึงสิ่งที่คนทั้งหลายได้กล่าวไว้ผ่านมาตลอดทุกยุคทุกสมัย นอกจากจะกำหนดจุดยืนในพระคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น น่าแปลกที่ไม่มีอัครสาวกท่านใดที่ได้จัดการกับเรื่อง การเสด็จกลับมาของพระคริสต์อย่างถี่ถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบ ข้อพระคัมภีร์หลากหลายมากมายค่อนข้างกระจัดกระจายไปทั่วพระคัมภีร์ไบเบิลและพวกมันจะต้องอยู่อย่างถูกต้อง บรรดาผู้เชื่อในยุคสมัยของเหล่าอัครสาวกมีสิทธิพิเศษในการฟังคำสอนและการเทศนาในเรื่องเหล่านี้มากมาย ยกตัวอย่าง เช่น อ. เปาโล อาจกล่าวได้ว่าท่านได้เทศนาการตักเตือนทั้งหมดของพระเจ้า (กิจการ 20: 27) เห็นได้ชัดว่า ในจดหมายทั้งหลายของพวกเขาถึงคริสตจักรต่างๆ เหล่าอัครสาวกจึงรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว พวกเขาเพียงตักเตือนพวกเขาที่นี่ และมีสิ่งที่พวกเขาสอนไว้ก่อนหน้านี้ในการประชุมท้องถิ่นต่างๆ ในการวาดภาพที่สมบูรณ์ของเรื่องนี้ พวกเราต้องค้นหาสถานที่ซึ่งเกี่ยวข้องในข้อพระคัมภีร์ทั้งหมดและรวบรวมพวกมันเข้าไว้ด้วยกันอย่างถูกต้อง
จากพระกิตติคุณมัทธิวตรงไปถึงตอนจบของพระธรรมวิวรณ์ พวกเราพบคำแถลงการณ์ทั้งหลายเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเจ้าแบบต่างๆ และเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของพระองค์ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องค้นหาอย่างรอบคอบเพื่อจะค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้รับการกล่าวถึง การอ้างถึงด้วยข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในลำดับพงศาวดาร
เพื่อจะได้มองเห็นว่ามันสำคัญอย่างไรเพื่อจะเข้าใจสิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่นั้น พวกเราจะเลือกข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิลสองข้อความ บางครั้งพวกมันอาจจะฟังดูคล้ายกัน และยังสามารถอ้างถึงเหตุการณ์ทั้งหลายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหรือพวกชุดของสถานการณ์ต่างๆ ในมัทธิว 25: 1-10 พวกเราได้รับการบอกกล่าวถึงคนทั้งหลายเหล่านั้นที่เตรียมพร้อมเมื่อเจ้าบ่าวเสด็จมาและพวกเขาไปกับพระองค์ในพิธีอภิเษกสมรส ในลูกา 12: 35-40 พวกเราอ่านเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่รอคอยนายของพวกเขา ในขณะที่พระองค์เสด็จกลับมาจากพิธีอภิเษกสมรส ช่วงเวลาระหว่างเหตุการณ์ทั้งสองนี้เป็นระยะเวลาหลายปี และมีการพูดถึงการเสด็จมาสองครั้งที่แตกต่างกันและกลุ่มสองกลุ่มที่แตกต่างกัน ในเวลาเดียวกันถ้อยคำที่คล้ายคลึงกันหรือแม้กระทั่งคำเดียวกัน --- ตัวอย่างเช่น "พิธีอภิเษกสมรส", "ตะเกียง" และการ "เตรียมพร้อม" – ถูกพบในข้อพระคัมภีร์ทั้งสองเหล่านี้
เหตุการณ์นานัปการเกี่ยวข้องกับการเสด็จมาของพระเจ้าทุกครั้ง มันสำคัญที่จะต้องเก็บไว้ในใจว่า มีการตอบสนองตามคำเผยพระวจนะมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งในการเสด็จมาครั้งแรกของพระคริสต์ เมื่อสัมผัสกับคริสตจักรในพันธสัญญาใหม่ นางมีประสบการณ์สามครั้ง: ครั้งแรกคือ พระเจ้าได้เสด็จมาในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อไถ่ประชากรของพระองค์เอง ครั้งที่สองคือ พระองค์เสด็จมาในฐานะเจ้าบ่าวเพื่อจะทรงรับวิหารที่ได้รับการไถ่แล้ว (ซึ่งจะเป็นการเสด็จกลับมาตามพระสัญญาของพระองค์); และครั้งที่สามคือ หลังจากการอภิเษกสมรส พระองค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง (วิวรณ์ 19: 11-16) เพื่อจะทรงต่อสู้กับกองกำลังทั้งหมดของพวกศัตรู หลังจากนั้นพระองค์จะทรงสถาปนาการครองราชย์หนึ่งพันปีบนแผ่นดินโลก
พวกเราจะจัดการกับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์และการรับคริสตจักรของเจ้าสาวพระคริสต์ไปในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ การบรรลุเป้าหมายสูงสุดนี้คือ ความปรารถนาในการรอคอยของคนทุกคนที่ได้รับการไถ่แล้ว บรรดาผู้เชื่อแท้ทุกคนรอคอยที่จะเห็นวันนั้น
ตั้งแต่พระคริสต์ได้เสด็จขึ้นไปสู่สวรรค์ พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ก่อนการจากไปของพระองค์เองว่า “เราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย และถ้าเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย” (ยอห์น 14: 2-3) ครั้งแล้วครั้งเล่าพระองค์ได้ทรงอ้างถึงเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้
ในมัทธิว บทที่ 24 เหล่าสาวกได้แสดงวิหารที่สวยงามแด่นายของพวกเขา ความประหลาดใจของพวกเขาในการตอบสนองของพระองค์ต่อสิ่งนี้คือ “สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ? เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็หามิได้” (มัทธิว 24: 2)
หลังจากนี้พวกเขาถามพระองค์สามคำถาม:
1) “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร?”
2) “และสิ่งใดจะเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา?”
3) “และวาระสุดท้ายของโลกนี้?” ทุกคนที่อ่านบทนี้อย่างรอบคอบจะรู้ว่า พระเยซูได้ทรงตอบคำถามทั้งสามข้อเหล่านี้แล้ว ในการอ้างถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น” (มัทธิว 24: 27)
“ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย” (มัทธิว 24: 37)
“… และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” (มัทธิว 24: 39)
“เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าพระเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาใด” (มัทธิว 24: 42)
“เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าพระเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาใด” (มัทธิว 24: 44)
“และเมื่อพวกเธอกำลังไปซื้อนั้น เจ้าบ่าวก็มาถึง ผู้ที่พร้อมอยู่แล้วก็ได้เข้าไปกับท่านในพิธีสมรสนั้น” (มัทธิว 25: 10)
“เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่ทุกเวลา เพื่อท่านทั้งหลายสมควรที่จะพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งจะบังเกิดมานั้น และจะยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้” (ลูกา 21: 36)
ในช่วงยุคสมัยของเหล่าอัครสาวกและช่วงคริสเตียนยุคแรกได้มีความหวังที่ดำรงอยู่และความคาดหวังในการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ในใจของคนทั้งหลายเหล่านั้นที่เชื่อ ข้อพระคัมภีร์หลายข้อเป็นพยานถึงความหวังนี้ โปรดพิจารณาการอ้างอิงข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้ด้วยการอธิษฐาน
“…เพื่อเวลาชื่นใจยินดีจะได้มาจากพระพักตร์ของพระเจ้า และเพื่อพระองค์จะได้ทรงใช้พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งเมื่อก่อนนั้นได้แจ้งไว้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว” (กิจการ 3: 19b-20)
“เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ของพระเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา” (1 โครินธ์ 11: 26)
“…การที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้ และรอคอยพระบุตรของพระองค์จากสวรรค์ ซึ่งพระองค์ทรงให้เป็นขึ้นมาจากความตาย คือพระเยซูผู้ทรงช่วยให้เราพ้นจากพระอาชญาที่จะมีมาภายหน้านั้น” (1 เธสะโลนิกา 1: 9–10)
“เพราะอะไรเล่าจะเป็นความหวัง หรือความยินดี หรือมงกุฎแห่งความชื่นชมยินดีของเรา? ต่อพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์พระเจ้าของเรา เมื่อพระองค์จะเสด็จมา ก็มิใช่ท่านทั้งหลายหรือ?” (1 เธสะโลนิกา 2: 19)
“ด้วยว่าพระเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า” (1 เธสะโลนิกา 4: 16)
“และขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงตั้งท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสด็จมา” (1 เธสะโลนิกา 5: 23)
“บัดนี้ พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเราจะเสด็จมา และการรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น” (2 เธสะโลนิกา 2: 1)
“…ให้ท่านรักษาคำบัญชานี้ไว้อย่าให้ด่างพร้อย และอย่าให้มีที่ติได้ จนถึงเวลาที่พระเยซูคริสต์เจ้าของเราจะเสด็จมา” (1 ทิโมธี 6: 14)
“ตั้งแต่นี้ไป มงกุฎแห่งความชอบธรรมก็เตรียมไว้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ซึ่งพระเจ้า ผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะประทานแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะประทานแก่คนทั้งปวงที่รักการเสด็จมาของพระองค์” (2 ทิโมธี 4: 8)
“เพราะอีกไม่นานพระองค์ผู้จะเสด็จมาก็จะเสด็จมาและจะไม่ทรงชักช้า” (ฮีบรู 10: 37)
“เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าพระเจ้าจะเสด็จมา ... ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี ด้วยว่าการเสด็จมาของพระเจ้าก็จวนจะถึงอยู่แล้ว” (ยากอบ 5: 7–8)
“เพราะว่าเมื่อเราได้สำแดงให้ท่านทั้งหลายทราบถึงฤทธิ์เดชของพระเยซูคริสต์พระเจ้าของเรา และการที่พระองค์จะเสด็จมานั้น เราไม่ได้คล้อยตามนิยายที่เขาคิดแต่งไว้ …” (2 เปโตร 1: 16)
“… จงรู้ข้อนี้ก่อน คือในวันสุดท้ายคนที่ชอบเยาะเย้ยจะเกิดขึ้นและดำเนินตามใจปรารถนาชั่วของตน และจะถามว่า “คำที่ทรงสัญญาไว้ว่าพระองค์จะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน?” (2 เปโตร 3: 3–4)
“ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า และยังไม่ปรากฏว่าต่อไปเบื้องหน้าเราจะเป็นอย่างไร แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาปรากฏนั้น เราทั้งหลายจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น” (1 ยอห์น 3: 2)
“เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น แต่ว่าทุกคนจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ ในเมื่อพระองค์จะเสด็จมา” (1 โครินธ์ 15: 22-23)
การเสด็จมาที่แตกต่างกันของพระองค์และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกัน
เนื่องด้วยอรรถบททั้งหมดในพระคัมภีร์ไบเบิล พวกเราพบข้อความทั้งหลายที่เกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์และเกี่ยวกับการเสด็จมาที่แตกต่างกันของพระองค์ซึ่งได้กระจัดกระจายไปทุกหนแห่ง ข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายเหล่านี้จะต้องประกอบเข้าด้วยกันอย่างเฉพาะเจาะจงและวางไว้อย่างถูกต้องในที่ซึ่งพวกมันอยู่ โดยแท้จริงแล้วมีการเสด็จมาหลายครั้ง แต่กระนั้นมีการเสด็จกลับมาของพระคริสต์เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นคือ เมื่อพระองค์เจ้าบ่าวแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงพบเจ้าสาวแห่งแผ่นดินโลกในฟ้าอากาศ (1 เธสะโลนิกา 4: 13-18) และจะทรงนำนางกลับบ้านเพื่อการอภิเษกสมรส (วิวรณ์ 19: 1-10)
การเสด็จกลับมาของพระคริสต์มิได้ถูกกล่าวถึงในดังที่เรียกกันว่า "หลักความเชื่อของอัครสาวก" – ของเหล่าอัครสาวกยุคเริ่มแรก แน่นอนว่าไม่มีความรู้เหมือนที่มันได้ถูกก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 4 เท่านั้น การรับบรรดาผู้เชื่อแท้ไป (หรือ "การรับขึ้นไป” ใช้คำที่เหมือนกับผู้อธิบายบางท่านใช้) – เหตุการณ์ยิ่งใหญ่นี้ซึ่งเกิดขึ้นในยุคสุดท้ายแห่งพระคุณสำหรับพวกคนต่างชาติก็มิได้ถูกกล่าวถึงในหลักความเชื่อนั้น มันกล่าวเพียงว่า “…จากนี้พระองค์จะเสด็จมาพิพากษาคนเป็นและคนตาย” การพิพากษาครั้งสุดท้ายเรียกว่า “การพิพากษาแห่งพระที่นั่งใหญ่สีขาว” จะเกิดขึ้นหลังจากการครองราชย์หนึ่งพันปีเท่านั้น (วิวรณ์ 20: 11-15)
การสอนที่ไม่ถูกต้องทั้งหลายเกี่ยวกับสาระสำคัญนี้ได้ถูกนำมาในศตวรรษแรกหลังจากพระคริสต์ พวกเรายังคงค้นหาพวกมันต่อไป - บางทีในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย - แม้แต่ในคริสตจักรบางแห่งในปัจจุบัน ออกัสติน (354-430) ผู้ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากนักประวัติศาสตร์คริสตจักรบางท่านได้สอนว่า การบังเกิดใหม่คือการฟื้นคืนพระชนม์ครั้งแรก แต่กระนั้น อ. เปาโล ผู้ที่ออกัสตินเคารพนับถืออย่างสูงพยายามที่จะบรรลุการฟื้นคืนชีพครั้งแรกเป็นเป้าหมายสุดท้ายของเขา แม้ว่าเขาได้บังเกิดใหม่แล้วและเต็มล้นไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ฟิลิปปี 3: 10-11) อ้างอิงจากออกัสติน ซาตานได้ถูกผูกมัดแล้ว และคริสตจักรถูกมองว่าอยู่ในการครองราชย์ยุคพันปี การรวมอำนาจรัฐและคริสตจักรให้เป็นเอกภาพได้กลาย เป็นที่รู้จักในนาม "รัฐแห่งพระเจ้า"
พวกเราจะไม่ใช้เวลาในการอ้างถึงสิ่งที่คนทั้งหลายได้กล่าวไว้ผ่านมาตลอดทุกยุคทุกสมัย นอกจากจะกำหนดจุดยืนในพระคัมภีร์ไบเบิลเท่านั้น น่าแปลกที่ไม่มีอัครสาวกท่านใดที่ได้จัดการกับเรื่อง การเสด็จกลับมาของพระคริสต์อย่างถี่ถ้วนตั้งแต่ต้นจนจบ ข้อพระคัมภีร์หลากหลายมากมายค่อนข้างกระจัดกระจายไปทั่วพระคัมภีร์ไบเบิลและพวกมันจะต้องอยู่อย่างถูกต้อง บรรดาผู้เชื่อในยุคสมัยของเหล่าอัครสาวกมีสิทธิพิเศษในการฟังคำสอนและการเทศนาในเรื่องเหล่านี้มากมาย ยกตัวอย่าง เช่น อ. เปาโล อาจกล่าวได้ว่าท่านได้เทศนาการตักเตือนทั้งหมดของพระเจ้า (กิจการ 20: 27) เห็นได้ชัดว่า ในจดหมายทั้งหลายของพวกเขาถึงคริสตจักรต่างๆ เหล่าอัครสาวกจึงรับรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว พวกเขาเพียงตักเตือนพวกเขาที่นี่ และมีสิ่งที่พวกเขาสอนไว้ก่อนหน้านี้ในการประชุมท้องถิ่นต่างๆ ในการวาดภาพที่สมบูรณ์ของเรื่องนี้ พวกเราต้องค้นหาสถานที่ซึ่งเกี่ยวข้องในข้อพระคัมภีร์ทั้งหมดและรวบรวมพวกมันเข้าไว้ด้วยกันอย่างถูกต้อง
จากพระกิตติคุณมัทธิวตรงไปถึงตอนจบของพระธรรมวิวรณ์ พวกเราพบคำแถลงการณ์ทั้งหลายเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเจ้าแบบต่างๆ และเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของพระองค์ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องค้นหาอย่างรอบคอบเพื่อจะค้นหาสิ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ได้รับการกล่าวถึง การอ้างถึงด้วยข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ไม่ได้อยู่ในลำดับพงศาวดาร
เพื่อจะได้มองเห็นว่ามันสำคัญอย่างไรเพื่อจะเข้าใจสิ่งที่กำลังพูดถึงอยู่นั้น พวกเราจะเลือกข้อความในพระคัมภีร์ไบเบิลสองข้อความ บางครั้งพวกมันอาจจะฟังดูคล้ายกัน และยังสามารถอ้างถึงเหตุการณ์ทั้งหลายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงหรือพวกชุดของสถานการณ์ต่างๆ ในมัทธิว 25: 1-10 พวกเราได้รับการบอกกล่าวถึงคนทั้งหลายเหล่านั้นที่เตรียมพร้อมเมื่อเจ้าบ่าวเสด็จมาและพวกเขาไปกับพระองค์ในพิธีอภิเษกสมรส ในลูกา 12: 35-40 พวกเราอ่านเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่รอคอยนายของพวกเขา ในขณะที่พระองค์เสด็จกลับมาจากพิธีอภิเษกสมรส ช่วงเวลาระหว่างเหตุการณ์ทั้งสองนี้เป็นระยะเวลาหลายปี และมีการพูดถึงการเสด็จมาสองครั้งที่แตกต่างกันและกลุ่มสองกลุ่มที่แตกต่างกัน ในเวลาเดียวกันถ้อยคำที่คล้ายคลึงกันหรือแม้กระทั่งคำเดียวกัน --- ตัวอย่างเช่น "พิธีอภิเษกสมรส", "ตะเกียง" และการ "เตรียมพร้อม" – ถูกพบในข้อพระคัมภีร์ทั้งสองเหล่านี้
เหตุการณ์นานัปการเกี่ยวข้องกับการเสด็จมาของพระเจ้าทุกครั้ง มันสำคัญที่จะต้องเก็บไว้ในใจว่า มีการตอบสนองตามคำเผยพระวจนะมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งในการเสด็จมาครั้งแรกของพระคริสต์ เมื่อสัมผัสกับคริสตจักรในพันธสัญญาใหม่ นางมีประสบการณ์สามครั้ง: ครั้งแรกคือ พระเจ้าได้เสด็จมาในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดเพื่อไถ่ประชากรของพระองค์เอง ครั้งที่สองคือ พระองค์เสด็จมาในฐานะเจ้าบ่าวเพื่อจะทรงรับวิหารที่ได้รับการไถ่แล้ว (ซึ่งจะเป็นการเสด็จกลับมาตามพระสัญญาของพระองค์); และครั้งที่สามคือ หลังจากการอภิเษกสมรส พระองค์เสด็จมาด้วยพระองค์เอง (วิวรณ์ 19: 11-16) เพื่อจะทรงต่อสู้กับกองกำลังทั้งหมดของพวกศัตรู หลังจากนั้นพระองค์จะทรงสถาปนาการครองราชย์หนึ่งพันปีบนแผ่นดินโลก
พวกเราจะจัดการกับการเสด็จกลับมาของพระคริสต์และการรับคริสตจักรของเจ้าสาวพระคริสต์ไปในการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ การบรรลุเป้าหมายสูงสุดนี้คือ ความปรารถนาในการรอคอยของคนทุกคนที่ได้รับการไถ่แล้ว บรรดาผู้เชื่อแท้ทุกคนรอคอยที่จะเห็นวันนั้น
ตั้งแต่พระคริสต์ได้เสด็จขึ้นไปสู่สวรรค์ พระองค์ได้ทรงกล่าวไว้ก่อนการจากไปของพระองค์เองว่า “เราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านทั้งหลาย และถ้าเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว *เราจะกลับมาอีก*รับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย” (ยอห์น 14: 2-3) ครั้งแล้วครั้งเล่าพระองค์ได้ทรงอ้างถึงเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่นี้
ในมัทธิว บทที่ 24 เหล่าสาวกได้แสดงวิหารที่สวยงามแด่นายของพวกเขา ความประหลาดใจของพวกเขาในการตอบสนองของพระองค์ต่อสิ่งนี้คือ “สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ? เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็หามิได้” (มัทธิว 24: 2)
หลังจากนี้พวกเขาถามพระองค์สามคำถาม:
1) “ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร?”
2) “และสิ่งใดจะเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา?”
3) “และวาระสุดท้ายของโลกนี้?” ทุกคนที่อ่านบทนี้อย่างรอบคอบจะรู้ว่า พระเยซูได้ทรงตอบคำถามทั้งสามข้อเหล่านี้แล้ว ในการอ้างถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด *การเสด็จมา*ของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น” (มัทธิว 24: 27)
“ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย” (มัทธิว 24: 37)
“… และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” (มัทธิว 24: 39)
“เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าพระเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาใด” (มัทธิว 24: 42)
“เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังอยู่ เพราะท่านไม่รู้ว่าพระเจ้าของท่านจะเสด็จมาเวลาใด” (มัทธิว 24: 44)
“และเมื่อพวกเธอกำลังไปซื้อนั้น เจ้าบ่าวก็มาถึง* ผู้ที่พร้อมอยู่แล้วก็ได้เข้าไปกับท่านในพิธีสมรสนั้น”* (มัทธิว 25: 10)
“เหตุฉะนั้นจงเฝ้าระวังและอธิษฐานอยู่ทุกเวลา เพื่อท่านทั้งหลายสมควรที่จะพ้นเหตุการณ์ทั้งปวงซึ่งจะบังเกิดมานั้น และจะยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้” (ลูกา 21: 36)
ในช่วงยุคสมัยของเหล่าอัครสาวกและช่วงคริสเตียนยุคแรกได้มีความหวังที่ดำรงอยู่และความคาดหวังในการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ในใจของคนทั้งหลายเหล่านั้นที่เชื่อ ข้อพระคัมภีร์หลายข้อเป็นพยานถึงความหวังนี้ โปรดพิจารณาการอ้างอิงข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้ด้วยการอธิษฐาน
“…เพื่อเวลาชื่นใจยินดีจะได้มาจากพระพักตร์ของพระเจ้า และเพื่อพระองค์จะได้ทรงใช้พระเยซูคริสต์ ผู้ซึ่งเมื่อก่อนนั้นได้แจ้งไว้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว” (กิจการ 3: 19b-20)
“เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ของพระเจ้าจนกว่าพระองค์จะเสด็จมา” (1 โครินธ์ 11: 26)
“…การที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้ และรอคอยพระบุตรของพระองค์จากสวรรค์ ซึ่งพระองค์ทรงให้เป็นขึ้นมาจากความตาย คือพระเยซูผู้ทรงช่วยให้เราพ้นจากพระอาชญาที่จะมีมาภายหน้านั้น” (1 เธสะโลนิกา 1: 9–10)
“เพราะอะไรเล่าจะเป็นความหวัง หรือความยินดี หรือมงกุฎแห่งความชื่นชมยินดีของเรา? ต่อพระพักตร์ของพระเยซูคริสต์พระเจ้าของเรา เมื่อพระองค์จะเสด็จมา* ก็มิใช่ท่านทั้งหลายหรือ?”* (1 เธสะโลนิกา 2: 19)
“ด้วยว่าพระเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า” (1 เธสะโลนิกา 4: 16)
“และขอให้พระเจ้าแห่งสันติสุขทรงตั้งท่านเป็นคนบริสุทธิ์หมดจด และข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าให้ทรงรักษาทั้งวิญญาณ จิตใจ และร่างกายของท่านไว้ให้ปราศจากการติเตียน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์เจ้าของเราเสด็จมา” (1 เธสะโลนิกา 5: 23)
“บัดนี้ พี่น้องทั้งหลาย เรื่องการซึ่งพระเยซูคริสต์เจ้าของเราจะเสด็จมา* และการรวบรวมเราทั้งหลายไปเป็นของพระองค์นั้น”* (2 เธสะโลนิกา 2: 1)
“…ให้ท่านรักษาคำบัญชานี้ไว้อย่าให้ด่างพร้อย และอย่าให้มีที่ติได้ จนถึงเวลาที่พระเยซูคริสต์เจ้าของเราจะเสด็จมา” (1 ทิโมธี 6: 14)
“ตั้งแต่นี้ไป มงกุฎแห่งความชอบธรรมก็เตรียมไว้สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ซึ่งพระเจ้า ผู้พิพากษาอันชอบธรรม จะประทานแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และมิใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะประทานแก่คนทั้งปวงที่รักการเสด็จมาของพระองค์” (2 ทิโมธี 4: 8)
“เพราะอีกไม่นานพระองค์ผู้จะเสด็จมาก็จะเสด็จมาและจะไม่ทรงชักช้า” (ฮีบรู 10: 37)
“เหตุฉะนั้นพี่น้องทั้งหลาย จงอดทนจนกว่าพระเจ้าจะเสด็จมา* ... ท่านทั้งหลายก็จงอดทนเช่นนั้นเหมือนกัน จงตั้งอกตั้งใจให้ดี ด้วยว่าการเสด็จมาของพระเจ้าก็จวนจะถึงอยู่แล้ว”* (ยากอบ 5: 7–8)
“เพราะว่าเมื่อเราได้สำแดงให้ท่านทั้งหลายทราบถึงฤทธิ์เดชของพระเยซูคริสต์พระเจ้าของเรา และการที่พระองค์จะเสด็จมานั้น เราไม่ได้คล้อยตามนิยายที่เขาคิดแต่งไว้ …” (2 เปโตร 1: 16)
“… จงรู้ข้อนี้ก่อน คือในวันสุดท้ายคนที่ชอบเยาะเย้ยจะเกิดขึ้นและดำเนินตามใจปรารถนาชั่วของตน และจะถามว่า “คำที่ทรงสัญญาไว้ว่าพระองค์จะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน?” (2 เปโตร 3: 3–4)
“ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า และยังไม่ปรากฏว่าต่อไปเบื้องหน้าเราจะเป็นอย่างไร แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์เสด็จมาปรากฏนั้น เราทั้งหลายจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น” (1 ยอห์น 3: 2)
“เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น แต่ว่าทุกคนจะเป็นไปตามลำดับ คือพระคริสต์ทรงเป็นผลแรก แล้วภายหลังก็คือคนทั้งหลายที่เป็นของพระคริสต์ ในเมื่อพระองค์จะเสด็จมา” (1 โครินธ์ 15: 22-23)