ผู้คนถามคำถาม, พระเจ้าทรงตอบด้วยพระวจนะของพระองค์

คำถามที่ 22: การสอนเรื่องการแต่งงานและการหย่าร้างของท่านคืออะไร?

« »

คำตอบ:               ผมไม่มีคำสอนของตัวผมเองในเรื่องใดๆ โมเสส, พระเจ้าของพวกเรา, อัครสาวกเปาโล และบราเดอร์บรานฮาม ได้สอนรายละเอียดในเรื่องนี้แล้ว อันที่จริงแล้วไม่มีความจำเป็นที่ทุกคนจะต้องเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยกเว้นการวางสิ่งที่เขียนไว้แล้วอย่างถูกต้อง โดยแท้จริงแล้วตามที่บราเดอร์บรานฮามได้กล่าวไว้ ปัญหาปรัมปราและซับซ้อนมากว่า “พวกคุณไม่รู้มันจนกว่ามันเปิดเผยสำแดงให้แก่พวกคุณ” เมื่อพระบิดาเจ้าได้ประทานพระบัญญัติทั้งหลาย พระองค์ไม่ทรงลืมหัวข้อนี้อย่างแน่นอน เพราะพระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกับการล่วงประเวณีว่า “เจ้าอย่าเล่นชู้เจ้าอย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้านของเจ้า …” (อพยพ 20)

ในพระธรรมเทศนาบนภูเขา (มัทธิว 5:27-32) พระเจ้าของพวกเราได้ตรัสถึงการล่วงประเวณีและการหย่าร้างว่า “เจ้าอย่าเล่นชู้…อย่ามีใจกำหนัดต่อภรรยาของชายคนอื่น…” พระองค์จึงตรัสว่า “ถ้าตาข้างขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน…และถ้ามือข้างขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน…” จากนั้นพระองค์ตรัสกับผู้ชายที่อาจจะทำได้ - ไม่ควร – หย่าภรรยาของเขาเฉพาะเมื่อนางผิดประเวณีเท่านั้น (ข้อ 32) มิฉะนั้นเขาจะทำให้นางล่วงประเวณี ถ้าหากนางแต่งงานใหม่ และแน่นอนที่สุดจะต้องรับผิดชอบต่อมัน

ในวัฒนธรรมใดๆ บนโลก แม้กระทั่งกับพวกผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า การแต่งงานเป็นที่เคารพนับถือกันโดยทั่วไปซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัวฝ่ายธรรมชาติและระเบียบ คำถามที่เผาไหม้คือสิ่งนี้: การล่วงประเวณีคืออะไร ทั้งสองต้องตายตามพระราชบัญญัติของพระเจ้า? ข้อพระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร? การล่วงประเวณีคือ เมื่อผู้ชายมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ภรรยาของผู้ชายอีกคนหนึ่ง “ถ้าพบชายคนหนึ่งไปนอนกับภรรยาของชายคนอื่น ดังนั้นเขาทั้งสองคนจะต้องถูกประหารชีวิต…” (เฉลยธรรมบัญญัติ 22:22)

ในมาลาคี บทที่ 2 พระเจ้าทรงเตือนบรรดาปุโรหิตและชนเผ่าของเลวีก่อนเพราะคำสอนเทียมเท็จทั้งหลายของพวกเขา  จากนั้นพระองค์ตรัสถึงพันธสัญญาของบรรพบุรุษของพวกเราซึ่งยูดาห์ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยการแต่งงานกับธิดาทั้งหลายของพระต่างชาติ บทเผยพระวจนะนี้ลึกมากและนำไปสู่ประเด็นหลัก “… เพื่อพระองค์จะได้แสวงหาเมล็ดพืชของพระเจ้า…” เมล็ดพืชนั้นเป็นเมล็ดพืชแห่งพระสัญญาจากสวนเอเดน ซึ่งทรงเป็นพระคริสต์ (กาลาเทีย 3:16) จากนั้นพวกเราอ่านเกี่ยวกับการหย่าร้างว่าเป็นการกระทำที่รุนแรง เมื่อชายคนหนึ่งหย่ากับภรรยาในวัยหนุ่มของเขา เขาหักพันธสัญญากับนาง (ข้อ 14) มันไม่เคยได้อยู่ในพระดำริของพระเจ้ามาก่อนเลยว่าภรรยาจะหย่าร้างกับสามีของนาง เหมือนกับที่อิสราเอลมิอาจจะหย่าร้างจากพระเจ้าได้ ดังนั้นจึงกล่าวได้เพียงเท่านั้นว่า ในบางกรณีสามีอาจจะให้คำสั่งหย่ากับภรรยาของเขาได้ แต่ภรรยามิอาจจะยื่นเอกสารการหย่าให้สามีได้ ข้อความอ้างอิง: “บราเดอร์ ดูเถิด ให้ผมบอกคุณว่า นางกำลังจะฟ้องหย่าคุณ นั่นคือซาตาน” (ซีโอดี, เล่ม 2, หน้า 981)

ก่อนที่ชายหรือหญิงคนใดแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับการหย่าร้าง สิ่งนี้จะเป็นความเชื่อมั่นของผมตลอดไป เขาหรือนางควรพิจารณาตัดมือหรือเท้าก่อนที่จะไปหาทนายความเพื่อจะทำการเริ่มต้นดำเนินคดีหย่า การหย่าคือ การฆาตกรรมอำพราง เมื่อกองกำลังความเกลียดชังของซาตานทั้งหมดปรากฏ มันไม่เพียงแต่ทำลายการแต่งงานจริงๆ เท่านั้น แต่ยังทำลายครอบครัว, คริสตจักร และสังคมอีกด้วย ไม่มีการกระทำรุนแรงใดๆ เหมือนซาตานเท่ากับการหย่าร้าง มันคือ การฆาตกรรมตลอดชีวิต เพราะว่าจากนั้นไปคลุมมันด้วยเสื้อคลุมใบมะเดื่อแห่งความชอบธรรมของตนเองเป็นการเยาะเย้ย

ซาตานผู้หลอกลวงซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังการโต้แย้งที่เป็นไปได้ทุกข้อที่นำเสนอ ภรรยาตัดศีรษะของตัวนางเองโดยการปฏิเสธและทอดทิ้งสามีของนาง ในขณะนั้นนางสูญเสียตำแหน่งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายธรรมชาติทั้งหมดและกลายเป็นหินด้วยลิ้นที่มีพิษ ในขณะที่นางย้ายออกจากการแต่งงานของพระดำรัสสั่งของพระเจ้า, ชีวิตครอบครัวและคริสตจักร ในกรณีนั้นนางทำบาปอย่างจงใจ ตรึงพระบุตรของพระเจ้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง และนำความอับอายต่อสาธารณชนมายังพระองค์  ทุกขณะที่นางกำลังคิดจะแก้แค้นและทำลายสามีของนาง บุคลิกภาพทั้งหลายของผู้ที่มีความผิดจริงคือสิ่งเหล่านี้: ไม่มีพระคุณ, ไม่มีการยกโทษให้อภัย, ไม่มีการคืนดี – เพียงแต่การกล่าวหา, ปฏิปักษ์ และความเกลียดชังซึ่งมิอาจจะควบคุมได้ ซึ่งเกินกว่าแม้แต่ความตาย ในขณะเดียวกันบุคคลนั้นมีข้อโต้แย้งที่น่าเชื่อถือเพื่อสงบสติอารมณ์ที่มีความผิด และเพื่อจะตัดสินการกระทำผิดต่อหน้าครอบครัว, ผู้เชื่อทั้งหลาย และสาธารณชนโดยทั่วไป

คำตอบ:               ผมไม่มีคำสอนของตัวผมเองในเรื่องใดๆ โมเสส, พระเจ้าของพวกเรา, อัครสาวกเปาโล และบราเดอร์บรานฮาม ได้สอนรายละเอียดในเรื่องนี้แล้ว อันที่จริงแล้วไม่มีความจำเป็นที่ทุกคนจะต้องเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยกเว้นการวางสิ่งที่เขียนไว้แล้วอย่างถูกต้อง โดยแท้จริงแล้วตามที่บราเดอร์บรานฮามได้กล่าวไว้ ปัญหาปรัมปราและซับซ้อนมากว่า “พวกคุณไม่รู้มันจนกว่ามันเปิดเผยสำแดงให้แก่พวกคุณ” เมื่อพระบิดาเจ้าได้ประทานพระบัญญัติทั้งหลาย พระองค์ไม่ทรงลืมหัวข้อนี้อย่างแน่นอน เพราะพระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกับการล่วงประเวณีว่า “เจ้าอย่าเล่นชู้ … เจ้าอย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้านของเจ้า …” (อพยพ 20)

ในพระธรรมเทศนาบนภูเขา (มัทธิว 5:27-32) พระเจ้าของพวกเราได้ตรัสถึงการล่วงประเวณีและการหย่าร้างว่า “เจ้าอย่าเล่นชู้…อย่ามีใจกำหนัดต่อภรรยาของชายคนอื่น…” พระองค์จึงตรัสว่า “ถ้าตาข้างขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน…และถ้ามือข้างขวาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดออกและโยนมันทิ้งเสียจากท่าน…” จากนั้นพระองค์ตรัสกับผู้ชายที่อาจจะทำได้ - ไม่ควร – หย่าภรรยาของเขาเฉพาะเมื่อนางผิดประเวณีเท่านั้น (ข้อ 32) มิฉะนั้นเขาจะทำให้นางล่วงประเวณี ถ้าหากนางแต่งงานใหม่ และแน่นอนที่สุดจะต้องรับผิดชอบต่อมัน

ในวัฒนธรรมใดๆ บนโลก แม้กระทั่งกับพวกผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า การแต่งงานเป็นที่เคารพนับถือกันโดยทั่วไปซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัวฝ่ายธรรมชาติและระเบียบ คำถามที่เผาไหม้คือสิ่งนี้: การล่วงประเวณีคืออะไร ทั้งสองต้องตายตามพระราชบัญญัติของพระเจ้า? ข้อพระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไร? การล่วงประเวณีคือ เมื่อผู้ชายมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ภรรยาของผู้ชายอีกคนหนึ่ง “ถ้าพบชายคนหนึ่งไปนอนกับภรรยาของชายคนอื่น ดังนั้นเขาทั้งสองคนจะต้องถูกประหารชีวิต…” (เฉลยธรรมบัญญัติ 22:22)

ในมาลาคี บทที่ 2 พระเจ้าทรงเตือนบรรดาปุโรหิตและชนเผ่าของเลวีก่อนเพราะคำสอนเทียมเท็จทั้งหลายของพวกเขา  จากนั้นพระองค์ตรัสถึงพันธสัญญาของบรรพบุรุษของพวกเราซึ่งยูดาห์ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยการแต่งงานกับธิดาทั้งหลายของพระต่างชาติ บทเผยพระวจนะนี้ลึกมากและนำไปสู่ประเด็นหลัก “… เพื่อพระองค์จะได้แสวงหาเมล็ดพืชของพระเจ้า…” เมล็ดพืชนั้นเป็นเมล็ดพืชแห่งพระสัญญาจากสวนเอเดน ซึ่งทรงเป็นพระคริสต์ (กาลาเทีย 3:16) จากนั้นพวกเราอ่านเกี่ยวกับการหย่าร้างว่าเป็นการกระทำที่รุนแรง เมื่อชายคนหนึ่งหย่ากับภรรยาในวัยหนุ่มของเขา เขาหักพันธสัญญากับนาง (ข้อ 14) มันไม่เคยได้อยู่ในพระดำริของพระเจ้ามาก่อนเลยว่าภรรยาจะหย่าร้างกับสามีของนาง เหมือนกับที่อิสราเอลมิอาจจะหย่าร้างจากพระเจ้าได้ ดังนั้นจึงกล่าวได้เพียงเท่านั้นว่า ในบางกรณีสามีอาจจะให้คำสั่งหย่ากับภรรยาของเขาได้ แต่ภรรยามิอาจจะยื่นเอกสารการหย่าให้สามีได้ ข้อความอ้างอิง: “บราเดอร์ ดูเถิด ให้ผมบอกคุณว่า นางกำลังจะฟ้องหย่าคุณ นั่นคือซาตาน” (ซีโอดี, เล่ม 2, หน้า 981)

ก่อนที่ชายหรือหญิงคนใดแม้แต่จะคิดเกี่ยวกับการหย่าร้าง สิ่งนี้จะเป็นความเชื่อมั่นของผมตลอดไป เขาหรือนางควรพิจารณาตัดมือหรือเท้าก่อนที่จะไปหาทนายความเพื่อจะทำการเริ่มต้นดำเนินคดีหย่า การหย่าคือ การฆาตกรรมอำพราง เมื่อกองกำลังความเกลียดชังของซาตานทั้งหมดปรากฏ มันไม่เพียงแต่ทำลายการแต่งงานจริงๆ เท่านั้น แต่ยังทำลายครอบครัว, คริสตจักร และสังคมอีกด้วย ไม่มีการกระทำรุนแรงใดๆ เหมือนซาตานเท่ากับการหย่าร้าง มันคือ การฆาตกรรมตลอดชีวิต เพราะว่าจากนั้นไปคลุมมันด้วยเสื้อคลุมใบมะเดื่อแห่งความชอบธรรมของตนเองเป็นการเยาะเย้ย

ซาตานผู้หลอกลวงซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังการโต้แย้งที่เป็นไปได้ทุกข้อที่นำเสนอ ภรรยาตัดศีรษะของตัวนางเองโดยการปฏิเสธและทอดทิ้งสามีของนาง ในขณะนั้นนางสูญเสียตำแหน่งฝ่ายวิญญาณและฝ่ายธรรมชาติทั้งหมดและกลายเป็นหินด้วยลิ้นที่มีพิษ ในขณะที่นางย้ายออกจากการแต่งงานของพระดำรัสสั่งของพระเจ้า, ชีวิตครอบครัวและคริสตจักร ในกรณีนั้นนางทำบาปอย่างจงใจ ตรึงพระบุตรของพระเจ้าใหม่อีกครั้งหนึ่ง และนำความอับอายต่อสาธารณชนมายังพระองค์  ทุกขณะที่นางกำลังคิดจะแก้แค้นและทำลายสามีของนาง บุคลิกภาพทั้งหลายของผู้ที่มีความผิดจริงคือสิ่งเหล่านี้: ไม่มีพระคุณ, ไม่มีการยกโทษให้อภัย, ไม่มีการคืนดี – เพียงแต่การกล่าวหา, ปฏิปักษ์ และความเกลียดชังซึ่งมิอาจจะควบคุมได้ ซึ่งเกินกว่าแม้แต่ความตาย ในขณะเดียวกันบุคคลนั้นมีข้อโต้แย้งที่น่าเชื่อถือเพื่อสงบสติอารมณ์ที่มีความผิด และเพื่อจะตัดสินการกระทำผิดต่อหน้าครอบครัว, ผู้เชื่อทั้งหลาย และสาธารณชนโดยทั่วไป