การเสด็จกลับมาของพระคริสต์

การครองราชย์หนึ่งพันปี

« »

ช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปี พระเจ้าจะทรงเป็นจอมกษัตริย์แห่งจักรวาล และพวกคนเหล่านั้นซึ่งอยู่กับพระองค์ในพิธีอภิเษกสมรสจะครองราชย์กับพระองค์บนแผ่นดินโลก 144,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นคืนชีพครั้งแรกจะเข้าร่วมด้วยกับพวกเขา (วิวรณ์ 20: 4-6) ในเวลานั้นความบริบูรณ์ของพวกชาวยิวจะถูกผนวกเข้ากับความบริบูรณ์จากบรรดาประชาชาติ พระสัญญาเดียวกันที่ประทานให้แก่ผู้ทรงมีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ผู้ทรงนำชัยชนะมาให้พวกเราโดยการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ ดั่งที่พบในสดุดี 2: 9 ประทานให้แก่พวกคนเหล่านั้นที่มีชัยชนะด้วยว่า "และผู้ใดมีชัยชนะและถือรักษากิจการของเราไว้จนถึงที่สุด ‘เราจะให้ผู้นั้นมีอำนาจครอบครองบรรดาประชาชาติ และผู้นั้นจะบังคับบัญชาคนทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก…” (วิวรณ์ 2: 26–27)

เจ้าสาวของพระคริสต์จะอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ซึ่งเป็นพระนิเวศน์นิรันดร์ของนาง นางได้รับการบ่งชี้ไว้ในข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายว่า “และข้าพเจ้า คือยอห์น ได้เห็นเมืองบริสุทธิ์ คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากพระเจ้าและจากสวรรค์ กรุงนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี” (วิวรณ์ 21: 2) หลังจากการอภิเษกสมรสนางจึงมิได้ถูกเรียกว่า "เจ้าสาวของพระคริสต์" อีกต่อไป แต่เป็น "มเหสีของพระเมษโปดก" แม้กระนั้นจะมีผู้ใดที่อาจจะเห็นได้ว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นแม่นยำและสมบูรณ์แบบเพียงใด “เชิญมานี่เถิด ข้าพเจ้าจะให้ท่านดูเจ้าสาวที่เป็นมเหสีของพระเมษโปดก ท่านได้นำข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณขึ้นไปบนภูเขาสูงใหญ่ และได้สำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นเมืองใหญ่นั้น คือกรุงเยรูซาเล็มอันบริสุทธิ์ซึ่งกำลังลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า เมืองนั้นประกอบด้วยสง่าราศีของพระเจ้า” (ข้อ 9b-11)

กรุงเยรูซาเล็มบนแผ่นดินโลกในเวลานั้นจะเต็มไปด้วยสง่าราศีของพระเจ้า เพราะกรุงเยรูซาเล็มใหม่จะลงมาอยู่เหนือกรุงเก่า "และพระเยโฮวาห์จะทรงสร้างเมฆและควันเพื่อกลางวัน และแสงแห่งเปลวเพลิงเพื่อกลางคืนเหนือที่อยู่อาศัยทั้งสิ้นของภูเขาศิโยน และเหนือชุมนุมชนนั้น เพราะจะมีการป้องกันอยู่เหนือสง่าราศีทั่วสิ้น(อิสยาห์ 4: 5)

ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว กรุงเยรูซาเล็มใหม่จะลงมา แต่ไม่แตะต้องพื้นดิน มันจะลอยอยู่เหนือกรุงเก่า และสง่าราศีของมันจะเต็มไปทั่วทั้งแผ่นดินโลก การวัดกรุงเยรูซาเล็มใหม่นั้นได้กำหนดไว้ในวิวรณ์ 21: 16 และมันจะอยู่ในรูปทรงปิรามิดโดยตั้งขึ้นไปสู่ฟ้าสวรรค์

บรรดาผู้เชื่อยังคงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าและยอมสละชีวิตของพวกเขาในช่วงความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่จะถูกนำกลับมามีชีวิตด้วยกันกับสักขีพยานชาวยิวก่อนการเริ่มการครองราชย์ยุคพันปี “และข้าพเจ้าเห็น ... บรรดาคนที่มีชัยต่อสัตว์ร้าย และรูปของมัน และเครื่องหมายของมัน และเลขประจำชื่อของมัน ยืนอยู่บนทะเลแก้วนั้น พวกเขาถือพิณเขาคู่ของพระเจ้า เขาร้องเพลงของโมเสส ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และเพลงของพระเมษโปดก” (วิวรณ์ 15: 2-3) ในข้อความนี้มีการระบุสองกลุ่มไว้โดยเฉพาะเจาะจง: ผู้ที่ร้องเพลงของโมเสส (ชาวยิว) และผู้ที่ร้องเพลงของพระเมษโปดก (บรรดาผู้เชื่อจากประชาชาติทั้งหลาย) พวกคนที่สัตย์ซื่อจะไม่ยอมรับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย หรือรูป และพวกเขาจะไม่รับเลขประจำชื่อของมัน

เฉพาะบรรดาผู้ที่มีชัยชนะเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมในพิธีอภิเษกสมรส แต่ในช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปี มีพวกผู้ที่ได้รับการไถ่อีกพวกหนึ่งด้วยเช่นกัน: “คนเหล่านี้คือคนที่มาจากความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่ พวกเขาได้ชำระล้างเสื้อผ้าของเขาในพระโลหิตของพระเมษโปดกจนเสื้อผ้านั้นขาวสะอาด เพราะเหตุนั้นเขาทั้งหลายจึงได้อยู่หน้าพระที่นั่งของพระเจ้า และปรนนิบัติพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน และพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งจะสถิตย์อยู่ท่ามกลางเขาเหล่านั้น … และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาเหล่านั้น” (วิวรณ์ 7: 14-15+17) ถ้อยคำที่ใช้ที่นี่ – ว่า พวกเขาจะปรนนิบัติพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน – แน่นอนที่สุดว่ามิได้หมายถึง นิรันดร์กาล แต่หมายถึง เวลาตลอดการครองราชย์หนึ่งพันปี นิรันดร์กาลไม่มีกลางวันและกลางคืน

ในการพิพากษาอันบริสุทธิ์ ผู้จองหอง ผู้อธรรมทุกคนเหล่านั้น และประกาศว่าเป็นศัตรูของพระบิดาเจ้าและของอิสราเอลจะถูกทำลาย พวกเขาจะเป็นเหมือนฟางและตอข้าวและวันที่จะมาถึงและไหม้เหมือนเตาอบจะทำลายพวกเขา เหลือเพียงขี้เถ้าเท่านั้น (มาลาคี 4: 1+3) คนบางคนที่ไม่ได้อ่านข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนและยอมรับว่า ทุกคนยกเว้นเจ้าสาวของพระคริสต์และ 144,000 คน จะถูกทำลาย อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะขัดแย้งกับข้อพระคัมภีร์อื่นๆ มากมาย พวกคนเหล่านั้นของบรรดาประชาชาติทั้งปวงที่หลงเหลืออยู่หลังจากการพิพากษาและศึกสงครามครั้งสุดท้ายจะมีชีวิตอยู่บนโลก และพวกเราจะปกครองพวกเขา “และอยู่มาบรรดาคนที่เหลืออยู่ในประชาชาติทั้งปวงซึ่งยกขึ้นมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม จะขึ้นไปนมัสการกษัตริย์ปีแล้วปีเล่า คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา และจะถือเทศกาลเลี้ยงการอยู่เพิง” (เศคาริยาห์ 14: 16) พวกเขาสามารถมาถึงปีแล้วปีเล่าได้อย่างไร ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่บนแผ่นดินโลกในระหว่างการครองราชย์ยุคพันปี?

“พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ต่อมาชนชาติทั้งหลายจะมา คือประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ในหัวเมืองอันมากมาย ชาวเมืองหนึ่งจะไปหาชาวเมืองอีกเมืองหนึ่ง กล่าวว่า ‘ให้เราไปกันทันที ไปทูลขอต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ และแสวงหาพระเยโฮวาห์จอมโยธา ข้าพเจ้าก็จะไปด้วย เออ ชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และบรรดาประชาชาติที่เข้มแข็งจะมาแสวงหาพระเยโฮวาห์จอมโยธาในเยรูซาเล็ม และทูลขอต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ต่อมาในสมัยนั้นสิบคนจากประชาชาติทุกๆ ภาษาจะยึดชายเสื้อคลุมของยิวคนหนึ่งไว้แล้วกล่าวว่า ขอให้เราไปกับท่านเถิด เพราะเราได้ยินว่าพระเจ้าทรงสถิตย์กับท่าน” (เศคาริยาห์ 8: 20-23)

“… และประชาชาติทั้งสิ้นจะหลั่งไหลเข้ามาหาและชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากจะไปกล่าวว่า “มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเยโฮวาห์ ยังพระนิเวศน์ของพระเจ้าของยาโคบ และพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์” เพราะว่าพระราชบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเยโฮวาห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม” (อิสยาห์ 2: 2-3)

“และในวันนั้น รากแห่งเจสซี ซึ่งตั้งขึ้นเป็นธงแก่ชนชาติทั้งหลายจะเป็นที่แสวงหาของบรรดาประชาชาติ และที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์” (อิสยาห์ 11: 10)

“พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “และต่อมาทุกวันขึ้นหนึ่งค่ำและทุกวันสะบาโต เนื้อหนังทั้งสิ้นจะมานมัสการต่อหน้าเราและเขาจะออกไปมองดูซากศพของคนที่ได้ละเมิดต่อเรา เพราะว่าหนอนของคนเหล่านี้จะไม่ตายไป ไฟของเขาจะไม่ดับ และเขาจะเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนต่อเนื้อหนังทั้งสิ้น” (อิสยาห์ 66: 23-24) “ซึ่งจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าด้วยตาข้างเดียวยังดีกว่ามีสองตา และต้องถูกทิ้งในไฟนรก ในที่นั้นตัวหนอนของพวกเขาก็ไม่ตาย และไฟก็ไม่ดับเลย” (มาระโก 9: 47-48) ถ้อยแถลงของพระเจ้าของพวกเรามิอาจจะตีความได้โดยพลการ แต่ต้องอยู่ในบริบทเดียวกับคำเผยพระวจนะที่เหลือของพระองค์

ในอิสยาห์ 65: 20-25 สถานการณ์ของประชาชาติทั้งปวงที่เหลืออยู่และจะเป็นอยู่ในช่วงเวลานั้น เด็กๆ จะเกิดมาเพื่อพวกเขา ฯลฯ พวกคนเหล่านี้จะสร้างบ้านและอาศัยอยู่ในนั้น พวกเขาจะมีสวนองุ่นและกินผลของมัน พวกเขาจะปลูกและเก็บเกี่ยว ซาตานจะถูกผูกมัดไว้ตลอดช่วงเวลานั้น และดังนั้นจึงไม่มีความชั่วเกิดขึ้น “สุนัขป่าและลูกแกะจะหากินอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนวัว และผงคลีจะเป็นอาหารของงู” (อิสยาห์ 65: 25) พบคำอธิบายที่คล้ายกันในอิสยาห์ 11: 6-9

เพราะพวกคนเหล่านี้ที่เหลืออยู่ไม่ได้กลับใจใหม่ – นั่นคือ พวกเขาไม่ได้บังเกิดใหม่ – พวกเขาอาจจะไม่เชื่อฟัง, กลายเป็นเจ็บป่วยและแม้แต่ตายไป ตามที่เขียนไว้ว่า “และถ้าครอบครัวใดในพื้นพิภพไม่ขึ้นไปยังเยรูซาเล็มเพื่อนมัสการกษัตริย์ คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา ฝนก็จะไม่ตกเหนือเขาเหล่านั้น” (เศคาริยาห์ 14: 17) “… เพราะเด็กจะมีอายุหนึ่งร้อยปีจึงตาย และคนบาปที่มีอายุเพียงหนึ่งร้อยปีจะเป็นที่แช่ง” (อิสยาห์ 65: 20)

ด้วยสิ่งทั้งหลายที่มีความชัดเจนอย่างท่วมท้น ในช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปียังคงถูกอธิบายว่าเป็นองค์ประกอบของเวลาซึ่งจะไม่พบในนิรันดร์กาล ในเอเสเคียล 47: 12 พวกเราอ่านดังนี้ว่า “และตามฝั่งทั้งสองฟากแม่น้ำ จะมีต้นไม้ทุกชนิดที่ใช้เป็นอาหาร ใบของมันจะไม่เหี่ยวและผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานบริสุทธิ์ ผลไม้นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้เป็นยา"

“และท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำบริสุทธิ์ที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนแก้วผลึก ไหลออก มาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดกท่ามกลางถนนในเมืองนั้นและริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุกๆ เดือน และใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย” (วิวรณ์ 22: 1-2)

ในช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปีพวกเราเห็นอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งทั้งปวงจะมีส่วนร่วมในอาณาจักรนั้น (โรม 8: 18-22) จากนั้นจะเกิดขึ้นตามที่ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายได้ทำนายไว้: “และพระเยโฮวาห์จะทรงเป็นกษัตริย์เหนือพิภพทั้งสิ้น ในวันนั้นพระเยโฮวาห์จะทรงเป็นเอก และพระนามของพระองค์ก็เป็นเอก”  (เศคาริยาห์ 14: 9)

“พลับพลาของเราจะอยู่กับเขา เออ เราจะเป็นพระเจ้าของเขาและเขาจะเป็นประชาชนของเรา แล้วประชาชาติทั้งหลายจะทราบว่า เราคือพระเยโฮวาห์กระทำให้อิสราเอลเป็นสุทธิพิเศษชาติ ในเมื่อสถานบริสุทธิ์ของเราอยู่ท่ามกลางเขาเป็นนิตย์" (เอเสเคียล 37: 27-28)

“ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตย์กับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21: 3-4)

“พระองค์จะทรงกลืนความตายด้วยการมีชัย และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาจากหน้าทั้งปวง และพระองค์จะทรงเอาการลบหลู่ชนชาติของพระองค์ไปเสียจากทั่วแผ่นดินโลก เพราะพระเยโฮวาห์ได้ตรัสแล้ว” (อิสยาห์ 25: 8)

ช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปี พระเจ้าจะทรงเป็นจอมกษัตริย์แห่งจักรวาล และพวกคนเหล่านั้นซึ่งอยู่กับพระองค์ในพิธีอภิเษกสมรสจะครองราชย์กับพระองค์บนแผ่นดินโลก 144,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นคืนชีพครั้งแรกจะเข้าร่วมด้วยกับพวกเขา (วิวรณ์ 20: 4-6) ในเวลานั้นความบริบูรณ์ของพวกชาวยิวจะถูกผนวกเข้ากับความบริบูรณ์จากบรรดาประชาชาติ พระสัญญาเดียวกันที่ประทานให้แก่ผู้ทรงมีชัยชนะอันยิ่งใหญ่ผู้ทรงนำชัยชนะมาให้พวกเราโดยการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ ดั่งที่พบในสดุดี 2: 9 ประทานให้แก่พวกคนเหล่านั้นที่มีชัยชนะด้วยว่า "และผู้ใดมีชัยชนะและถือรักษากิจการของเราไว้จนถึงที่สุด ‘เราจะให้ผู้นั้นมีอำนาจครอบครองบรรดาประชาชาติ และผู้นั้นจะบังคับบัญชาคนทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก…” (วิวรณ์ 2: 26–27)

เจ้าสาวของพระคริสต์จะอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มใหม่ซึ่งเป็นพระนิเวศน์นิรันดร์ของนาง นางได้รับการบ่งชี้ไว้ในข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายว่า “และข้าพเจ้า คือยอห์น ได้เห็นเมืองบริสุทธิ์ คือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เลื่อนลอยลงมาจากพระเจ้าและจากสวรรค์ กรุงนี้ได้จัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว เหมือนอย่างเจ้าสาวแต่งตัวไว้สำหรับสามี” (วิวรณ์ 21: 2) หลังจากการอภิเษกสมรสนางจึงมิได้ถูกเรียกว่า "เจ้าสาวของพระคริสต์" อีกต่อไป แต่เป็น "มเหสีของพระเมษโปดก" แม้กระนั้นจะมีผู้ใดที่อาจจะเห็นได้ว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นแม่นยำและสมบูรณ์แบบเพียงใด “เชิญมานี่เถิด ข้าพเจ้าจะให้ท่านดูเจ้าสาวที่เป็นมเหสีของพระเมษโปดก ท่านได้นำข้าพเจ้าโดยพระวิญญาณขึ้นไปบนภูเขาสูงใหญ่ และได้สำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นเมืองใหญ่นั้น คือกรุงเยรูซาเล็มอันบริสุทธิ์ซึ่งกำลังลอยลงมาจากสวรรค์และจากพระเจ้า เมืองนั้นประกอบด้วยสง่าราศีของพระเจ้า” (ข้อ 9b-11)

กรุงเยรูซาเล็มบนแผ่นดินโลกในเวลานั้นจะเต็มไปด้วยสง่าราศีของพระเจ้า เพราะกรุงเยรูซาเล็มใหม่จะลงมาอยู่เหนือกรุงเก่า "และพระเยโฮวาห์จะทรงสร้างเมฆและควันเพื่อกลางวัน และแสงแห่งเปลวเพลิงเพื่อกลางคืนเหนือที่อยู่อาศัยทั้งสิ้นของภูเขาศิโยน และเหนือชุมนุมชนนั้น เพราะจะมีการป้องกันอยู่เหนือสง่าราศีทั่วสิ้น (อิสยาห์ 4: 5)

ดังที่ได้กล่าวไปแล้ว กรุงเยรูซาเล็มใหม่จะลงมา แต่ไม่แตะต้องพื้นดิน มันจะลอยอยู่เหนือกรุงเก่า และสง่าราศีของมันจะเต็มไปทั่วทั้งแผ่นดินโลก การวัดกรุงเยรูซาเล็มใหม่นั้นได้กำหนดไว้ในวิวรณ์ 21: 16 และมันจะอยู่ในรูปทรงปิรามิดโดยตั้งขึ้นไปสู่ฟ้าสวรรค์

บรรดาผู้เชื่อยังคงสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าและยอมสละชีวิตของพวกเขาในช่วงความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่จะถูกนำกลับมามีชีวิตด้วยกันกับสักขีพยานชาวยิวก่อนการเริ่มการครองราชย์ยุคพันปี “และข้าพเจ้าเห็น ... บรรดาคนที่มีชัยต่อสัตว์ร้าย และรูปของมัน และเครื่องหมายของมัน และเลขประจำชื่อของมัน ยืนอยู่บนทะเลแก้วนั้น พวกเขาถือพิณเขาคู่ของพระเจ้า เขาร้องเพลงของโมเสส ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และเพลงของพระเมษโปดก” (วิวรณ์ 15: 2-3) ในข้อความนี้มีการระบุสองกลุ่มไว้โดยเฉพาะเจาะจง: ผู้ที่ร้องเพลงของโมเสส (ชาวยิว) และผู้ที่ร้องเพลงของพระเมษโปดก (บรรดาผู้เชื่อจากประชาชาติทั้งหลาย) พวกคนที่สัตย์ซื่อจะไม่ยอมรับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย หรือรูป และพวกเขาจะไม่รับเลขประจำชื่อของมัน

เฉพาะบรรดาผู้ที่มีชัยชนะเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมในพิธีอภิเษกสมรส แต่ในช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปี มีพวกผู้ที่ได้รับการไถ่อีกพวกหนึ่งด้วยเช่นกัน: “คนเหล่านี้คือคนที่มาจากความทุกข์เวทนาครั้งใหญ่ พวกเขาได้ชำระล้างเสื้อผ้าของเขาในพระโลหิตของพระเมษโปดกจนเสื้อผ้านั้นขาวสะอาด เพราะเหตุนั้นเขาทั้งหลายจึงได้อยู่หน้าพระที่นั่งของพระเจ้า และปรนนิบัติพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน และพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งจะสถิตย์อยู่ท่ามกลางเขาเหล่านั้น … และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากตาของเขาเหล่านั้น” (วิวรณ์ 7: 14-15+17) ถ้อยคำที่ใช้ที่นี่ – ว่า พวกเขาจะปรนนิบัติพระองค์ในพระวิหารของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน – แน่นอนที่สุดว่ามิได้หมายถึง นิรันดร์กาล แต่หมายถึง เวลาตลอดการครองราชย์หนึ่งพันปี นิรันดร์กาลไม่มีกลางวันและกลางคืน

ในการพิพากษาอันบริสุทธิ์ ผู้จองหอง ผู้อธรรมทุกคนเหล่านั้น และประกาศว่าเป็นศัตรูของพระบิดาเจ้าและของอิสราเอลจะถูกทำลาย พวกเขาจะเป็นเหมือนฟางและตอข้าวและวันที่จะมาถึงและไหม้เหมือนเตาอบจะทำลายพวกเขา เหลือเพียงขี้เถ้าเท่านั้น (มาลาคี 4: 1+3) คนบางคนที่ไม่ได้อ่านข้อพระคัมภีร์ทั้งหลายที่เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนและยอมรับว่า ทุกคนยกเว้นเจ้าสาวของพระคริสต์และ 144,000 คน จะถูกทำลาย อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะขัดแย้งกับข้อพระคัมภีร์อื่นๆ มากมาย พวกคนเหล่านั้นของบรรดาประชาชาติทั้งปวงที่หลงเหลืออยู่หลังจากการพิพากษาและศึกสงครามครั้งสุดท้ายจะมีชีวิตอยู่บนโลก และพวกเราจะปกครองพวกเขา “และอยู่มาบรรดาคนที่เหลืออยู่ในประชาชาติทั้งปวงซึ่งยกขึ้นมาสู้รบกับเยรูซาเล็ม จะขึ้นไปนมัสการกษัตริย์ปีแล้วปีเล่า คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา และจะถือเทศกาลเลี้ยงการอยู่เพิง” (เศคาริยาห์ 14: 16) พวกเขาสามารถมาถึงปีแล้วปีเล่าได้อย่างไร ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่บนแผ่นดินโลกในระหว่างการครองราชย์ยุคพันปี?

“พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ต่อมาชนชาติทั้งหลายจะมา คือประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ในหัวเมืองอันมากมาย ชาวเมืองหนึ่งจะไปหาชาวเมืองอีกเมืองหนึ่ง กล่าวว่า ‘ให้เราไปกันทันที ไปทูลขอต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ และแสวงหาพระเยโฮวาห์จอมโยธา ข้าพเจ้าก็จะไปด้วย เออ ชนชาติทั้งหลายเป็นอันมาก และบรรดาประชาชาติที่เข้มแข็งจะมาแสวงหาพระเยโฮวาห์จอมโยธาในเยรูซาเล็ม และทูลขอต่อพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์ พระเยโฮวาห์จอมโยธาตรัสดังนี้ว่า ต่อมาในสมัยนั้นสิบคนจากประชาชาติทุกๆ ภาษาจะยึดชายเสื้อคลุมของยิวคนหนึ่งไว้แล้วกล่าวว่า ขอให้เราไปกับท่านเถิด เพราะเราได้ยินว่าพระเจ้าทรงสถิตย์กับท่าน” (เศคาริยาห์ 8: 20-23)

“… และประชาชาติทั้งสิ้นจะหลั่งไหลเข้ามาหาและชนชาติทั้งหลายเป็นอันมากจะไปกล่าวว่า “มาเถิด ให้เราขึ้นไปยังภูเขาของพระเยโฮวาห์ ยังพระนิเวศน์ของพระเจ้าของยาโคบ และพระองค์จะทรงสอนวิถีของพระองค์แก่เรา และเพื่อเราจะเดินในมรรคาของพระองค์” เพราะว่าพระราชบัญญัติจะออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเยโฮวาห์จะออกมาจากเยรูซาเล็ม” (อิสยาห์ 2: 2-3)

“และในวันนั้น รากแห่งเจสซี ซึ่งตั้งขึ้นเป็นธงแก่ชนชาติทั้งหลายจะเป็นที่แสวงหาของบรรดาประชาชาติ และที่พำนักของท่านจะรุ่งโรจน์” (อิสยาห์ 11: 10)

“พระเยโฮวาห์ตรัสว่า “และต่อมาทุกวันขึ้นหนึ่งค่ำและทุกวันสะบาโต เนื้อหนังทั้งสิ้นจะมานมัสการต่อหน้าเราและเขาจะออกไปมองดูซากศพของคนที่ได้ละเมิดต่อเรา เพราะว่าหนอนของคนเหล่านี้จะไม่ตายไป ไฟของเขาจะไม่ดับ และเขาจะเป็นที่น่าสะอิดสะเอียนต่อเนื้อหนังทั้งสิ้น” (อิสยาห์ 66: 23-24) “ซึ่งจะเข้าในอาณาจักรของพระเจ้าด้วยตาข้างเดียวยังดีกว่ามีสองตา และต้องถูกทิ้งในไฟนรก ในที่นั้นตัวหนอนของพวกเขาก็ไม่ตาย และไฟก็ไม่ดับเลย” (มาระโก 9: 47-48) ถ้อยแถลงของพระเจ้าของพวกเรามิอาจจะตีความได้โดยพลการ แต่ต้องอยู่ในบริบทเดียวกับคำเผยพระวจนะที่เหลือของพระองค์

ในอิสยาห์ 65: 20-25 สถานการณ์ของประชาชาติทั้งปวงที่เหลืออยู่และจะเป็นอยู่ในช่วงเวลานั้น เด็กๆ จะเกิดมาเพื่อพวกเขา ฯลฯ พวกคนเหล่านี้จะสร้างบ้านและอาศัยอยู่ในนั้น พวกเขาจะมีสวนองุ่นและกินผลของมัน พวกเขาจะปลูกและเก็บเกี่ยว ซาตานจะถูกผูกมัดไว้ตลอดช่วงเวลานั้น และดังนั้นจึงไม่มีความชั่วเกิดขึ้น “สุนัขป่าและลูกแกะจะหากินอยู่ด้วยกัน สิงโตจะกินฟางเหมือนวัว และผงคลีจะเป็นอาหารของงู” (อิสยาห์ 65: 25) พบคำอธิบายที่คล้ายกันในอิสยาห์ 11: 6-9

เพราะพวกคนเหล่านี้ที่เหลืออยู่ไม่ได้กลับใจใหม่ – นั่นคือ พวกเขาไม่ได้บังเกิดใหม่ – พวกเขาอาจจะไม่เชื่อฟัง, กลายเป็นเจ็บป่วยและแม้แต่ตายไป ตามที่เขียนไว้ว่า “และถ้าครอบครัวใดในพื้นพิภพไม่ขึ้นไปยังเยรูซาเล็มเพื่อนมัสการกษัตริย์ คือพระเยโฮวาห์จอมโยธา ฝนก็จะไม่ตกเหนือเขาเหล่านั้น” (เศคาริยาห์ 14: 17) “… เพราะเด็กจะมีอายุหนึ่งร้อยปีจึงตาย และคนบาปที่มีอายุเพียงหนึ่งร้อยปีจะเป็นที่แช่ง” (อิสยาห์ 65: 20)

ด้วยสิ่งทั้งหลายที่มีความชัดเจนอย่างท่วมท้น ในช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปียังคงถูกอธิบายว่าเป็นองค์ประกอบของเวลาซึ่งจะไม่พบในนิรันดร์กาล ในเอเสเคียล 47: 12 พวกเราอ่านดังนี้ว่า “และตามฝั่งทั้งสองฟากแม่น้ำ จะมีต้นไม้ทุกชนิดที่ใช้เป็นอาหาร ใบของมันจะไม่เหี่ยวและผลของมันจะไม่วาย แต่จะเกิดผลใหม่ทุกเดือน* เพราะว่าน้ำสำหรับต้นไม้นั้นไหลจากสถานบริสุทธิ์ ผลไม้นั้นใช้เป็นอาหารและใบก็ใช้เป็นยา"*

“และท่านได้ชี้ให้ข้าพเจ้าดูแม่น้ำบริสุทธิ์ที่มีน้ำแห่งชีวิต ใสเหมือนแก้วผลึก ไหลออก มาจากพระที่นั่งของพระเจ้า และของพระเมษโปดกท่ามกลางถนนในเมืองนั้นและริมแม่น้ำทั้งสองฟากมีต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งออกผลสิบสองชนิด ออกผลทุกๆ *เดือน** และใบของต้นไม้นั้นสำหรับรักษาบรรดาประชาชาติให้หาย”* (วิวรณ์ 22: 1-2)

ในช่วงระยะการครองราชย์หนึ่งพันปีพวกเราเห็นอาณาจักรของพระเจ้าบนแผ่นดินโลกและสรรพสิ่งทั้งปวงจะมีส่วนร่วมในอาณาจักรนั้น (โรม 8: 18-22) จากนั้นจะเกิดขึ้นตามที่ผู้เผยพระวจนะทั้งหลายได้ทำนายไว้: “และพระเยโฮวาห์จะทรงเป็นกษัตริย์เหนือพิภพทั้งสิ้น ในวันนั้นพระเยโฮวาห์จะทรงเป็นเอก และพระนามของพระองค์ก็เป็นเอก”(เศคาริยาห์ 14: 9)

“พลับพลาของเราจะอยู่กับเขา เออ เราจะเป็นพระเจ้าของเขาและเขาจะเป็นประชาชนของเรา แล้วประชาชาติทั้งหลายจะทราบว่า เราคือพระเยโฮวาห์กระทำให้อิสราเอลเป็นสุทธิพิเศษชาติ ในเมื่อสถานบริสุทธิ์ของเราอยู่ท่ามกลางเขาเป็นนิตย์" (เอเสเคียล 37: 27-28)

“ดูเถิด พลับพลาของพระเจ้าอยู่กับมนุษย์แล้ว พระองค์จะทรงสถิตย์กับเขา เขาจะเป็นชนชาติของพระองค์ และพระเจ้าเองจะประทับอยู่กับเขา และจะทรงเป็นพระเจ้าของเขา พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆ หยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21: 3-4)

“พระองค์จะทรงกลืนความตายด้วยการมีชัย และพระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาจากหน้าทั้งปวง และพระองค์จะทรงเอาการลบหลู่ชนชาติของพระองค์ไปเสียจากทั่วแผ่นดินโลก เพราะพระเยโฮวาห์ได้ตรัสแล้ว” (อิสยาห์ 25: 8)